Throughwave Thailand Technology Update Blog | Switch, Wireless, Security, NAC, E-mail, Collaboration, Server, Storage, VMware and Virtualization

ForeScout รักษาความปลอดภัยให้เครือข่ายสาธารณสุข ควบคุมเครื่องลูกข่ายกว่า 40,000 เครื่องที่ Sussex Health Informatics Service

Sussex Health Informatics Service (Sussex HIS) ผู้ให้บริการทางด้านระบบ IT ครบวงจรสำหรับสมาชิกของ NHS ในเมือง Sussex ซึ่งเป็นหน่วยงานทางด้านสาธารณสุขทั้งสิ้น 500 หน่วยงาน มีผู้ใช้งาน 40,000 คน โดย Sussex HIS ต้องการควบคุมเครื่องลูกข่ายทั้งหมดในระบบที่จะมาทำการเชื่อมต่อกับศูนย์ข้อมูลกลางทางด้านสาธารณสุขโดยเฉพาะของหน่วยงานทั้งหมด และ ForeScout CounterACT ก็ได้ถูกเลือกไปใช้แทนระบบ IPS เดิมที่มีอยู่ เพื่อตอบสนองความต้องการทางด้านความปลอดภัยดังต่อไปนี้

  • ต้องการระบบตรวจสอบและทำ Compliance สำหรับเครื่องลูกข่ายผ่านทาง Network
  • ระบบรักษาความปลอดภัยจะต้องติดตั้งใช้งานได้ง่าย ไม่ทำให้ระบบต้องหยุดทำงานระหว่างติดตั้ง เพราะการเข้าถึงข้อมูลทางด้านสาธารณสุขถือเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องทำได้ตลอดเวลา
  • ระบบจะต้องใช้งานได้ในระบบเครือข่ายที่มีความแตกต่างกัน, รองรับผู้ดูแลระบบหลายๆ กลุ่ม, รองรับอุปกรณ์ที่หลากหลาย และใช้งานได้ในหลายสาขา โดยทั้งหมดแล้วต้องรองรับทั้งสิ้น 500 สาขา โดยมีผู้ใช้งานเครือข่ายรวม 40,000 คน
  • ระบบจะต้องทำงานได้ในแบบ Agentless เพื่อให้ติดตั้งใช้งานได้รวดเร็ว และมีค่าใช้จ่ายต่ำ

ซึ่ง ForeScout CounterACT เองก็สามารถตอบโจทย์ความต้องการทั้งหมดนี้ได้อย่างครอบคลุม ดังนี้

  • สามารถติดตั้งใช้งานได้แบบ Agentless
  • ทำงานร่วมกับระบบ VPN, Wireless และ Asset/Patch/Software Management ที่มีอยู่ได้
  • สามารถจำแนกประเภทและบริหารจัดการอุปกรณ์ และผู้ใช้งานได้อย่างชัดเจน
  • ควบคุมได้ทั้ง Windows, Mac และ Linux
  • สามารถตรวจสอบและทำ Compliance ได้ เช่น ตรวจสอบ Antivirus, Encryption, Domain Membership
  • สามารถเขียนและอ่านข้อมูลจากภายนอกเพื่อทำผลการตรวจสอบ Compliance ได้
  • ติดตั้งใช้งานได้ง่าย และไม่ซับซ้อน
  • สามารถสร้าง Custom Report ได้
  • สามารถบริหารจัดการใช้งานจริงได้ง่าย

โดยในการทดสอบก่อนเลือกใช้งานผลิตภัณฑ์นี้ ทาง Sussex HIS ได้ทำการเปรียบเทียบกับผลิตภัณฑ์ NAC อื่นๆ อย่าง Cisco, Juniper, Bradford, Symantec, Novell, McAfee และ Sophos โดยให้เหตุผลทางด้านความง่ายในการติดตั้งแบบ Agentless และความยืดหยุ่นในการใช้งานร่วมกับระบบเครือข่ายที่หลากหลาย และการใช้งาน

อีกจุดหนึ่งที่สำคัญมากคือการติดตั้ง ForeScout CounterACT ที่ไม่ต้องติดตั้งแบบวางขวางระบบเครือข่าย แต่ใช้การติดตั้งแบบ Out-of-Band แทน ทำให้ระบบไม่ต้องหยุดทำงาน และลดโอกาสการเกิด Single Point of Failure ในระบบเครือข่ายไปได้นั่นเอง

สำหรับผู้ที่สนใจ สามารถติดต่อทรูเวฟ 02-210-0969 หรือ ติดต่อเรา ได้เลยนะครับ

ที่มา: https://www.forescout.com/success-stories-post/sussex-health-informatics-service-case-study/

ForeScout จับมือ Splunk เสริมขีดความสามารถระบบ SIEM ให้ควบคุมความปลอดภัยระบบเครือข่ายได้

ForeScout ผู้ผลิตระบบ Network Access Control ที่สามารถทำงานได้กับอุปกรณ์เครือข่ายทุกยี่ห้อ ได้จับมือกับ Splunk ผู้ผลิตระบบ Log Management และ SIEM ชั้นนำ ได้ร่วมมือกันนำเสนอโซลูชั่นร่วมกัน เพื่อให้ ForeScout สามารถมองเห็นข้อมูลความปลอดภัยเครือข่ายที่ลึกขึ้นได้จาก Data Analytics ของ Splunk และให้ Splunk สามารถควบคุมเครื่องลูกข่ายได้ผ่านทาง ForeScout

fs_splunk_endpoint_solution_chart

ด้วยความร่วมมือกันระหว่างสองบริษัทที่อยู่ Leader ของ Gartner Magic Quadrant ในสายของ Network Access Control และ Security Information and Event Management (SIEM) ทำให้โซลูชั่นรักษาความปลอดภัยเครือข่ายองค์กรร่วมกันนี้มีความสามารถที่ลึกล้ำยิ่งขึ้น โดย ForeScout ในฐานะของ Next Generation Network Access Control ซึ่งครอบคลุมความสามารถในการตรวจสอบและควบคุมระบบเครือข่ายที่หลากหลาย ก็จะช่วยตรวจสอบและรวมรวมข้อมูลของเครื่องลูกข่ายแบบ Real-time ได้ และนำข้อมูลเหล่านี้ส่งให้กับ Splunk เพื่อให้ฐานข้อมูลของ Splunk มีข้อมูลมากขึ้น โดยมีการรวบรวมข้อมูลต่างๆ ดังนี้

  • ประเภทของอุปกรณ์ – Windows, Mac, Linux, iOS Device, Android Device, Switch, Router, Printer, etc.
  • ความเป็นเจ้าของอุปกรณ์
  • ข้อมูลผู้ใช้งานและ IP Address ที่กำลังใช้งาน
  • Hardware ที่ใช้งานบนอุปกรณ์
  • Application ที่กำลังใช้งานบนอุปกรณ์
  • การละเมิดนโยบายความปลอดภัย
  • การโจมตีเครือข่ายที่กำลังเกิดขึ้น

จากนั้น Splunk เองก็จะนำข้อมูลความปลอดภัยระบบเครือข่ายที่ได้รับจาก ForeScout นี้เข้ามาประมวลผลร่วมกับข้อมูล Log ที่ได้รับมาจากอุปกรณ์เครือข่ายอื่นๆ เพื่อมาทำ Correlation ร่วมกัน และประมวลผลลัพธ์ออกมาว่าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นที่ส่วนไหนของระบบเครือข่าย และควรกักกันเครื่องไหนออกจากระบบเครือข่ายบ้าง และทำการส่งข้อมูลเหล่านี้ให้ ForeScout ใช้เป็นเงื่อนไขในการ Block Traffic และแจ้งเตือนผู้ใช้งานถึงการโจมตีต่างๆ ที่เกิดขึ้นได้แบบอัตโนมัติและทันท่วงที ทำให้ระบบเครือข่ายมีความปลอดภัยในระดับที่สูงขึ้น รวดเร็วขึ้น และมีข้อมูลประกอบการสืบค้นทางด้านความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น

fs_app_splunk_enterprise_chart

นอกจากนี้ Plugin Integrate ระหว่าง ForeScout กับ Splunk นี้ ก็ยังมีหน้าจอ Dashboard ทางด้านความปลอดภัยโดยเฉพาะ เพื่อเสริมความสามารถทางด้านการเฝ้าระวังทางด้านความปลอดภัยให้กับระบบเครือข่ายอีกด้วย

ที่มา: https://www.forescout.com/fs-splunk-integration-module-ds/

Nutanix ถูกจัดให้อยู่ในกลุ่ม Visionaries ทางด้านระบบ Integrated Systems ใน Gartner Magic Quadrant 2014

gartner2014

เป็นครั้งแรกที่ Gartner ได้ออกรายงานการจัดอันดับทางด้านระบบ Integrated Systems ซึ่งเป็นระบบที่รวม Server, Storage และระบบ Network เข้าด้วยกัน
โดย Nutanix ถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มของ Visionaries ซึ่งประเด็นที่ถูกกล่าวถึงเกี่ยวกับ Nutanix ก็คือ Nutanix เป็นผู้นำทางด้านการคิดค้นเทคโนโลยีใหม่ๆ และได้เปลี่ยนรูปแบบการจัดการ, การขยายระบบ และการออกแบบ Data Center ขององค์กรไปในทิศทางใหม่

สำหรับข้อดีของ Nutanix ที่ทางด้าน Gartner กล่าวว่าเป็นจุดแข็ง มีด้วยกันดังนี้

  • สามารถขยายระบบได้ง่ายเมื่อเทียบกับคู่แข่งในตลาด
  • อุปกรณ์ถูกออกแบบมาให้ติดตั้งง่าย
  • สามารถทำงานกับ Hypervisor ได้หลากหลาย ได้แก่ VMware, Hyper-V และ KVM
  • มีลูกค้าแทบทุกกลุ่ม หลายประเทศทั่วโลก
  • ได้รับเสียงตอบรับจากลูกค้าในด้านที่ดี

สามารถดาวน์โหลดรายงานการจัดอันดับฉบับเต็มได้ที่นี่
https://go.nutanix.com/GartnerMQ2014.html

สำหรับผู้ที่สนใจอยากทดสอบอุปกรณ์ Nutanix หรืออยากเป็น Partner ร่วมงานกัน ทางทีมงาน Throughwave Thailand ในฐานะของตัวแทนจำหน่าย Nutanix ยินดีเป็นอย่างยิ่ง โดยท่านสามารถติดต่อมาได้ที่ 02-210-0969 หรือส่งอีเมลล์มาที่ info@throughwave.co.th เพื่อสอบถามข้อมูลและรายละเอียดต่างๆ จากทีมงานวิศวกรโดยตรงได้ทันที

บทสัมภาษณ์การใช้งาน Nutanix จาก คณะแพทยศาสตร์สงขลานครินทร์

– ดาวน์โหลด Case Study –

บริษัท ทรูเวฟ (ประเทศไทย) จำกัด มีโอกาสได้สัมภาษณ์ คุณโกเมน เรืองฤทธิ์ ฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศ โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ เกี่ยวกับความรู้สึกหลังจากใช้งานผลิตภัณฑ์ Nutanix

p456565แนะนำตัวหน่อยครับ
สวัสดีครับ ผมโกเมน เรืองฤทธิ์ ฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศ โรงพยาบาลสงขลานครินทร์

คณะแพทยศาสตร์สงขลานครินทร์ เป็นโรงเรียนแพทย์ สังกัดมหาวิทยาลัยลงขลานครินทร์ มีภาระกิจหลักคือสร้างบุคลากรทางการแพทย์ และให้บริการทางการแพทย์ในระดับตติยภูมิ โดยมีโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ ซึ่งเป็นโรงพยาบาลขนาด 853 เตียง  เป็นสถานที่สำหรับฝึกนักศึกษาแพทย์ และเป็นโรงพยาบาลหลักที่พึ่งของประชาชนในภาคใต้

ทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ มีการพัฒนาระบบสารสนเทศโรงพยาบาล สำหรับงานบริการทางการแพทย์ด้วยบุคลากรภายใน และเลือกใช้เทคโนโลยีเพื่อสนับสนุนทางด้านสารสนเทศ โดยเลือกด้วยความเหมาะสม และคุ้มค่า

ทำไมถึงสนใจ Nutanix?
ก่อนหน้านี้เคยได้ทดสอบ VDI บน solution Server + Storage พบความยุ่งยากที่จะต้องบริหารทั้ง Server และ Storage

ทำไมถึงตัดสินใจเลือก Nutanix?
Nutanix เป็น solution ที่ได้รับรางวัลจากผู้ทดสอบชั้นนำ และเป็น solution ที่ไม่ต้องมายุ่งยากกับระบบ SAN แบบเดิม ๆ การบริหารระบบสามารถทำได้บนหน้าจอเดียว  และจากการที่ได้ทดสอบการใช้งานก่อนการสั่งซื้อจริง พบว่าเป็น solution ที่ตอบโจทย์ได้เป็นอย่างดี

นำ Nutanix ไปใช้ในงานอย่างไร?
Nutanix ได้นำมาเป็นโครงสร้างหลักสำหรับระบบ VDI เพื่อรองรับการทำงานผ่านอุปกรณ์ที่หลากหลายของผู้ใช้งาน ให้สามารถใช้งานได้อย่างสะดวกและปลอดภัย ซึ่งเบื้องต้นได้ติดตั้ง license สำหรับรองรับ user ประมาณ 100 users พร้อมกัน และในอนาคตจะขยายเพิ่มขึ้น เพื่อปรับให้การทำงานของ
user จาก PC ทั่วไป มาใช้ Zero client บน VDI ซึ่งปัจจุบัน มี PC ที่ใช้งานบนระบบสารสนเทศโรงพยาบาลประมาณ 1500 เครื่อง

2014-06-03_151602

ผลลัพธ์ของการใช้งาน Nutanix เป็นอย่างไรบ้าง?
จากการตอบรับของผู้ใช้งาน รู้สึกชื่นชอบกับการที่สามารถใช้งานระบบ VDI ได้อย่างสะดวกและรวดเร็วและสำหรับผู้ดูแลระบบแล้ว ก็สามารถควบคุมการใช้งาน และปรับปรุงขยายการใช้งาน VDI บน Nutanix ได้อย่างง่ายดาย

ความรู้สึกเกี่ยวกับการให้บริการของทรูเวฟ
ทางทรูเวฟ ได้ให้การสนับสนุนทางด้านเทคนิคเป็นอย่างดี และรวดเร็ว ช่วยในการตอบโจทย์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างการติดตั้ง และแนะนำ solution เพิ่มเติมได้อย่างเหมาะสมเป็นอย่างดี อีกทั้งบริการก่อนการขายที่นำอุปกรณ์ มาทดสอบใช้งาน และช่วยแนะนำตอบโจทย์ต่าง ๆ เป็นอย่างดี

สุดท้ายนี้ ทางทรูเวฟขอขอบคุณ คุณโกเมน เรืองฤทธิ์ สำหรับความไว้วางใจที่ให้กับทรูเวฟและ Nutanix ขอขอบคุณครับ

ลิ้งค์ที่เกี่ยวข้อง

– ดาวน์โหลด Case Study –

ForeScout แนะนำ 8 วิธีลดความเสี่ยงจากการใช้ Windows XP ในองค์กร

หลังจากที่ Microsoft ได้ประกาศหยุดสนับสนุน Windows XP อย่างเป็นทางการไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วนั้น ก็เกิดประเด็นทางด้านการรักษาความปลอดภัยที่ Windows XP อาจส่งผลต่อองค์กรต่างๆ กันขึ้นมาอย่างมากมาย อีกทั้งจากสถิติที่ผ่านมา Microsoft Windows XP เองก็มีอัตราการถูกโจมตีสูงที่สุดเมื่อเทียบกับ Windows Client รุ่นอื่นๆ ทาง ForeScout ผู้ผลิตระบบ Next Generation Network Access Control จึงได้แนะนำนโยบายรักษาความปลอดภัย 8 ข้อเพื่อบรรเทาความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้ในระบบ ดังนี้

  1. สร้าง Inventory ของเครื่องลูกข่ายทั้งหมด
    ก่อนที่จะวางนโยบายใดๆ ผู้ดูแลระบบควรจะรู้จำนวนตัวเลขของ Windows XP ในระบบให้ชัดเจนเสียก่อนเป็นอันดับแรก โดยการมีระบบบริหารจัดการเครื่องลูกข่ายแบบต่างๆ ก็สามารถช่วยตรวจสอบได้บ้าง แต่ก็ยังมีข้อจำกัดสำหรับเครื่องลูกข่ายที่ไม่ได้ลง Agent Software เอาไว้ ดังนั้นการมี Network Access Control อย่าง ForeScout ช่วยตรวจตราและสร้าง Hardware/Software Inventory แบบ Real-time อีกชั้นหนึ่งจึงถือเป็นสิ่งที่สำคัญ ก่อนที่จะวางนโยบายรักษาความปลอดภัยใดๆ เพิ่มเติม
  2. กำจัด Application ที่ตกยุคไปแล้วให้หมด
    เพื่อให้เกิดความปลอดภัยในระดับสูงสุดเท่าที่จะเป็นไปได้ อย่างน้อยๆ Application ที่ใช้งานบน Windows XP ก็ควรจะถูกอัพเกรดเป็นเวอร์ชั่นล่าสุด เพื่อให้มีช่องโหว่สำหรับการโจมตีต่างๆ น้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ซึ่ง ForeScout สามารถเข้าถึงข้อมูลการใช้งาน Application ต่างๆ เหล่านี้ได้ผ่านทาง Microsoft Active Directory หรือ Agent Software เพื่อตรวจสอบเวอร์ชั่นของ Application ที่ใช้งาน และบังคับให้มีการอัพเกรดได้ทันที
  3. จำกัดสิทธิ์การเข้าถึงเครือข่ายให้อยู่ในระดับต่ำที่สุดเท่าที่จำเป็น
    เพื่อลดความเสี่ยงที่เครื่อง Windows XP จะติดไวรัส เวิร์ม หรือมัลแวร์ แล้วทำการโจมตีเครื่องแม่ข่ายหรือระบบเครือข่ายอื่นๆ ทาง ForeScout ได้แนะนำให้ทำการย้ายเครื่อง Windows XP เหล่านี้ไปอยู่วง VLAN ที่ถูกสร้างมาโดยเฉพาะ และมีการตั้งนโยบายรักษาความปลอดภัย และสิทธิ์การเข้าถึงเครือข่ายเฉพาะสำหรับ Windows XP เหล่านี้ ในระหว่างที่ทำการ Migrate เครื่องเหล่านี้ให้เป็น Windows รุ่นที่ใหม่และปลอดภัยกว่า
  4. หยุดใช้งาน Internet Explorer และ Office 2003 บน Windows XP
    นอกจาก Microsoft จะหยุดสนับสนุน Windows XP แล้ว ซอฟต์แวร์ยอดนิยมอย่าง Internet Explorer ที่อัพเกรดได้ถึงเพียงเวอร์ชั่น 8 (ปัจจุบันเวอร์ชั่น 11) และ Office 2003 (ปัจจุบันเวอร์ชั่น 2013) ก็ถูกหยุดการสนับสนุนไปด้วยเช่นกัน ทำให้ซอฟต์แวร์สองตัวนี้มีช่องโหว่ทางด้านความปลอดภัยมากมาย ForeScout สามารถตรวจจับและยับยั้งการใช้งานซอฟต์แวร์เหล่านี้ได้ และแนะนำให้ใช้ Browser อื่นๆ เช่น Firefox หรือ Chrome แทน
  5. หมั่นอัพเดต Software ต่างๆ อย่างสม่ำเสมอ
    ไม่ว่าจะเป็น Java, PDF Reader หรือ Anti-virus ต่างๆ เอง ต่างก็ควรจะอัพเดตให้เป็นรุ่นล่าสุดอยู่เสมอ โดย ForeScout สามารถช่วยตรวจสอบและบังคับให้ซอฟต์แวร์ทั้งหมดเหล่านี้ถูกอัพเดตล่าสุดได้อยู่ตลอดเวลา
  6. จำกัดการใช้งาน Applications, Services และ Ports บน Windows XP ให้น้อยที่สุด
    ForeScout แนะนำให้ทำการ Uninstall Software ต่างๆ ที่ไม่จำเป็นตอ่การทำงานออกไปจาก Windows XP ให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ รวมถึงปิด Services ที่ไม่จำเป็นเช่น Remote Access, Remote Registry, Simple File Sharing, Telnet และอื่นๆ เพื่อลดความเสี่ยงในการถูกโจมตีลง และยับยั้งการใช้งาน USB และ CD/DVD เพื่อลดโอกาสในการติดไวรัส เวิร์ม และมัลแวร์ลง ซึ่ง ForeScout สามารถช่วยบังคับให้นโยบายรักษาความปลอดภัยเป็นไปตามทั้งหมดนี้ได้ผ่าน Microsoft AD และ Agent Software นั่นเอง
  7. เตรียมรับมือกับการโจมตี Windows XP รูปแบบใหม่ๆ ที่จะเกิดขึ้นมาในอนาคต
    การโจมตีรูปแบบใหม่ๆ จะตามมาอย่างแน่นอน และ ForeScout เองก็จะสามารถช่วยบรรเทาความเสียหายเหล่านี้ได้ ด้วยการจำกัดสิทธิ์การเข้าถึงเครือข่ายเมื่อตรวจพบการโจมตีจากเครื่องลูกข่ายที่เป็น Windows XP เหล่านี้ รวมถึงยังมี Virtual Firewall ที่สามารถป้องกันไม่ให้เครื่องภายนอกทำการโจมตีเครื่อง Windows XP ที่ถูกปกป้องโดย ForeScout อยู่ด้วย
  8. วางแผนอัพเกรด Windows XP เป็น Windows รุ่นอื่นๆ ที่ใหม่กว่า
    ถึงแม้ว่าเราจะวางแผนการรับมือกับการโจมตี Windows XP ไว้มากเพียงไร แต่ท้ายที่สุดแล้วการอัพเกรด Windows เป็นรุ่นที่ยังได้รับการสนับสนุนจากทาง Microsoft อยู่ก็ยังเป็นทางเลือกที่มีความเสี่ยงทางด้านความปลอดภัยน้อยกว่าอยู่ดี โดยอย่างน้อยๆ อาจจะเริ่มจากการย้าย Windows XP ขึ้นไปยังระบบ Virtual Desktop Infrastructure ก่อน เพื่อให้อย่างน้อยๆ เมื่อเกิดการโจมตีใดๆ ขึ้นมา ทางผู้ดูแลระบบยังสามารถ Reset หรือ Revert Snapshot เพื่อยับยั้งการติดเชื้อไวรัส เวิร์ม และมัลแวร์ออกไปได้ชั่วคราวก่อน และลดความเสียหายลงให้ต่ำที่สุดนั่นเอง

 

สำหรับผู้ที่สนใจ Solution จาก ForeScout CounterACT สำหรับสร้าง Next Generation Network Access Control เพื่อรักษาความปลอดภัยทั้งสำหรับระบบเครือข่าย, ยืนยันตัวตน, ควบคุมเครื่องลูกข่าย, ทำ BYOD และมี IPS ป้องกันการโจมตีในระบบเครือข่ายไปพร้อมๆ กัน ก็สามารถติดต่อบริษัท Throughwave Thailand เพื่อขอข้อมูลเพิ่มเติม หรือยืมอุปกรณ์ไปทดสอบได้ทันทีที่เบอร์โทร 02-210-0969 หรืออีเมลล์มาที่ info@throughwave.co.th ได้ทันที

ที่มา: https://www.forescout.com/mitigating-windows-xp-security-risks/

เมื่อ Microsoft เลิกสนับสนุน Windows XP เราได้ผลกระทบอะไร?

เมื่อต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา ทาง Microsoft ได้ยุติบริการสนับสนุนผลิตภัณฑ์  Windows XP ซึ่งให้บริการมานานกว่า 10 ปี ส่งผลให้มีผลกระทบต่อผู้ใช้งาน Windows XP ดังนี้

  1. ไม่มีการอัพเดทโปรแกรมเพื่อป้องกันความปลอดภัย (Security Update) หากมีช่องโหว่ใดๆถูกค้นพบหลังจากนี้ จะไม่มีการปล่อยอัพเดต Security Patch จากทาง Microsoft ซึ่งส่งผลให้อาจมี Hacker, ไวรัส, สปายแวร์ และมัลแวร์ต่างๆ ใช้ช่องโหว่ของ Windows XP ที่ค้นพบหลังจากนี้เข้ามาทำการโจรกรรมหรือสร้างความเสียหายให้กับข้อมูลของผู้ใช้งานได้
  2. ไม่มีการสนับสนุนใดๆจาก Microsoft อีกต่อไป จากที่เคยมีการสนับสนุนช่วยเหลือผู้ใช้งานผ่านระบบออนไลน์และทางโทรศัพท์ หลังจากนี้ผู้ใช้งานจะไม่สามารถขอรับการสนับสนุนผ่านช่องทางนี้ได้
  3. ความเข้ากันได้ของซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ลดลง บริษัทผู้ผลิตซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ต่างๆ เริ่มยุติการสนับสนุนผลิตภัณฑ์ต่างๆของตนที่ทำงานบน Windows XP และฮาร์ดแวร์ที่ออกมาสู่ท้องตลาดใหม่ๆ ก็เริ่มจะไม่ Support Windows XP แล้ว

ดังนั้นผู้ใช้งานหรือองค์กรใดที่มี Windows XP อยู่ จึงควรคำนึงถึงผลกระทบที่จะตามมาในอนาคต สำหรับองค์กรใดที่จำเป็นต้องใช้ Windows XP ต่อไป อาจมีเหตุผลเนื่องมาจากระบบงานมีความจำเป็นต้องใช้ Windows XP สามารถทำตามคำแนะนำดังนี้

  1. อัพเดท Windows Security Patch ให้เป็นเวอร์ชั่นล่าสุด
  2. อัพเดท ซอฟท์แวร์ต่างๆ ที่ติดตั้งอยู่ในเครื่องให้เป็นเวอร์ชั่นล่าสุด
  3. ติดตั้งซอฟท์แวร์ Antivirus และทำการอัพเดทให้เป็นเวอร์ชั่นล่าสุด
  4. ใช้ Google Chrome หรือ Firefox แทน Internet Explorer

อย่างไรก็ตาม องค์กรควรมีแผนการเปลี่ยนจาก Windows XP เป็นระบบปฏิบัติการเวอร์ชั่นใหม่ๆ เพื่อความปลอดภัยของข้อมูลภายในองค์กรเอง

ข้อมูลเพิ่มเติม

Infographic: ระบบ IT ของคุณมีความปลอดภัยแค่ไหน?

ForeScout Technologies

 

Infographic เรื่อง “How Good is Your IT Security?” หรือ “ระบบ IT ของคุณมีความปลอดภัยแค่ไหน?” แสดงให้เห็นถึงภัยคุกคามทางด้านระบบเครือข่ายที่มาจาก Endpoint ในรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น PC และอุปกรณ์พกพา (Mobile Device) ที่นับวันจะมีจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ในทุกๆ องค์กร โดยระบบรักษาความปลอดภัยที่สามารถตอบโจทย์นี้ได้หลักๆ ก็คือ Network Access Control หรือ NAC นั่นเอง โดยจากการศึกษาจากหัวหน้าทีมรักษาความปลอดภัยเครือข่ายจาก 763 องค์กร พบว่ามีการเลือกใช้งาน Network Access Control แล้วมากถึง 64% และมีแผนจะลงทุนในระบบ Network Access Control อีกถึง 20% โดยสำหรับองค์กรที่มีนโยบายรักษาความปลอดภัยให้แก่อุปกรณ์พกพาต่างๆ นี้ ก็ได้เลือกใช้ Network Access Control ในการควบคุมดูแลรักษาความปลอดภัยให้อุปกรณ์พกพามากถึง 77% เลยทีเดียว

ในขณะเดียวกัน ForeScout CounterACT ระบบ Network Access Control ระดับ Leader ใน Gartner Magic Quadrant เองนี้ก็สามารถตอบโจทย์ได้อย่างครอบคลุม ไม่ว่าจะเป็นความสามารถในการทำ Network Monitoring, Real-time Hardware/Software Inventory, Authentication, Authorization, PC Management, BYOD, MDM, IPS, Vulnerability Management, Patch Management และ Compliance Report ในอุปกรณ์เดียว โดยสำหรับผู้ที่สนใจรายละเอียดเพิ่มเติม หรือต้องการทดสอบความสามารถของ ForeScout ก็สามารถติดต่อได้ทันทีที่บริษัท ทรูเวฟ ประเทศไทย จำกัด โทร 02-210-0969 หรืออีเมลล์มาที่  info@throughwave.co.th ครับ

สำหรับ Infographic เต็มๆ สามารถคลิกดูได้ที่ด้านล่างนี้ทันทีครับ

Forescout_infographic

ForeScout ถูกจัดให้เป็น Leader ของ Gartner Magic Quadrant ของ Network Access Control ปี 2013

ForeScout Technologies

 

ForeScout Technologies ผู้นำทางด้านเทคโนโลยีรักษาความปลอดภัยระบบเครือข่ายองค์กร ได้ถูกจัดให้เป็น Leader ทางด้านระบบ Network Access Control ใน Gartner Magic Quadrant 2013 ซึ่งนับเป็นการได้รับตำแหน่ง Leader นี้มาอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 แล้ว

 

gartner 2013 nac forescout

 

สำหรับการจัดอันดับ Gartner Magic Quadrant ในปี 2013 นี้ ทาง Gartner ได้มีการพูดถึงสองประเด็นหลักๆ ด้วยกัน โดยประเด็นแรกเป็นเรื่องของการที่ระบบ Network Access Control ควรจะควบคุมได้ไปถึงการทำ Mobile Device Management หรือ MDM ซึ่ง ForeScout เองนอกจากจะมีโซลูชั่น MDM ของตัวเองแล้ว ForeScout ยังสามารถทำการ Integrate เข้ากับระบบ MDM ของ 3rd Party เกือบทุกเจ้าที่อยู่ใน Leader ของ Magic Quadrant ได้อีกด้วย

 

สำหรับอีกประเด็นที่ถูกกล่าวถึงก็คือการ Integrate ระบบ NAC เข้ากับเทคโนโลยีรักษาความปลอดภัยใหม่ๆ ไม่ว่าจะเป็น Next-Generation Firewall (NGFW) หรือ Security Information and Event Management (SIEM) ซึ่ง ForeScout เองได้ตอบรับโจทย์ข้อนี้เป็นอย่างดีด้วย Feature ใหม่ล่าสุดภายใต้ชื่อ ControlFabric ที่มี API สำหรับเชื่อมต่อให้อุปกรณ์ 3rd Party ยี่ห้อใดๆ ก็สามารถทำงานร่วมกับ ForeScout ได้ และในทางกลับกัน ForeScout ก็มีความสามารถในการเขียนอ่าน SQL Database เพื่อดึงข้อมูลจากระบบงานใดๆ ก็ตามมาใช้ในเงื่อนไขหรือผลลัพธ์ของนโยบายรักษาความปลอดภัยได้เช่นกัน

 

สำหรับข้อดีของ ForeScout CounterACT ที่ทาง Gartner กล่าวถึงเป็นจุดแข็ง มีด้วยกัน ดังต่อไปนี้
  • สามารถ Integrate กับอุปกรณ์รักษาความปลอดภัยใดๆ ก็ได้ผ่านทาง ControlFabric
  • มีกลยุทธ์ทางด้านการรักษาความปลอดภัยอุปกรณ์พกพาที่เข้มแข็ง ไม่ว่าจะเป็น BYOD หรือ MDM
  • ติดตั้งง่าย ออกแบบนโยบายรักษาความปลอดภัยได้ยืดหยุ่น และมองเห็นระบบเครือข่ายได้ทุกส่วน
  • เป็นผู้ผลิตระบบ NAC ที่เคยติดตั้งระบบ NAC ที่ใหญ่ที่สุดหรือใหญ่เป็นอันดับต้นๆ ของโลกมาหลายราย

 

โดยนอกจากการเป็น Leader ใน Gartner Magic Quadrant 2013 แล้ว ในปี 2013 ที่ผ่านมานี้ ForeScout ก็ได้รับรางวัลอื่นๆ มาอีกมากมาย ได้แก่
  • Being named by Frost & Sullivan as the sole market contender in NAC
  • SC Magazine 5-star, “Best Buy” rating and Innovator Award
  • Government Security News Best Network Security
  • GovTek Best Mobile Solution
  • CRN Channel Chief Award
  • InfoSecurity Global Excellence Award
  • McAfee Partner of the Year

 

สำหรับผู้ที่สนใจอยากทดสอบอุปกรณ์ ForeScout CounterACT หรืออยากเป็น Partner ร่วมงานกัน ทางทีมงาน Throughwave Thailand ในฐานะของตัวแทนจำหน่าย ForeScout ยินดีเป็นอย่างยิ่ง โดยท่านสามารถติดต่อมาได้ที่ 02-210-0969 หรือส่งอีเมลล์มาที่ info@throughwave.co.th เพื่อสอบถามข้อมูลและรายละเอียดต่างๆ จากทีมงานวิศวกรโดยตรงได้ทันที

 

ที่มา: www.throughwave.co.th

การมาของเทคโนโลยีสตูดิโอเสมือน (3D Virtual Studio) ในประเทศไทย กับการใช้งานภายในองค์กร

สำหรับเทคโนโลยีหนึ่งที่น่าจับตามองที่สุดในปี 2014 นี้ ก็คงจะหนีไม่พ้นระบบสตูดิโอเสมือน หรือที่เรียกกันว่าระบบ 3D Virtual Studio นั่นเอง ในบทความนี้เราจะมาทำความรู้จักกัน ว่าระบบสตูดิโอเสมือนนี้ทำงานอย่างไร และในประเทศไทยตอนนี้มีการประยุกต์เทคโนโลยีนี้ไปใช้งานภายในองค์กรอย่างไรบ้าง

1. ระบบสตูดิโอเสมือน 3D Virtual Studio คืออะไร

ระบบสตูดิโอเสมือน คือ ระบบห้องส่งเสมือน ที่นำภาพฉาก 3 มิติมาใช้แทนฉากจริง เพื่อใช้ในการถ่ายทำรายการต่างๆ ได้อย่างทันสมัย สมจริง และประหยัดค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงฉากหลัง รวมถึงยังสามารถใช้ถ่ายทำรายการหลากหลายรายการได้ในเวลาเดียวกันอีกด้วย
ในระบบสตูดิโอเสมือนนี้ พิธีกรผู้ดำเนินรายการจะถ่ายทำรายการอยู่ภายในห้องที่เป็นฉากสีเขียว เพื่อให้ระบบ 3D Virtual Studio สามารถตัดภาพของพิธีกรเพื่อไปซ้อนในฉาก 3 มิติได้ โดยเมื่อพิธีกรเคลื่อนที่ไปมาภายในฉากสีเขียวนี้ ระบบ 3D Virtual Studio ก็จะทำการจำลองให้เสมือนว่าพิธีกรกำลังเดินอยู่ในฉากจริงๆ พร้อมทั้งจำลองแสงเงาให้มีความสมจริงยิ่งขึ้นอีกด้วย

2. การนำระบบสตูดิโอเสมือนไปใช้งานภายในองค์กร

ระบบสตูดิโอเสมือนนี้มีหน่วยงานต่างๆ นำไปประยุกต์ใช้งานกันหลากหลาย ดังนี้

2.1 ช่องโทรทัศน์ และสตูดิโอถ่ายทำรายการ

เนื่องจากการประมูล Digital TV ที่กำลังจะมีขึ้นนี้ ทำให้ช่องโทรทัศน์ต่างๆ ต้องมองหาทางเลือกในการผลิตรายการที่ทั้งดึงดูดใจผู้ชมไปพร้อมๆ กับประหยัดต้นทุน เทคโนโลยี 3D Virtual Studio ซึ่งมีทั้งความทันสมัยและใช้งานร่วมกันได้หลายๆ รายการในการลงทุนเพียงครั้งเดียว จึงกลายเป็นตัวเลือกอันดับหนึ่งไปในตอนนี้ รวมถึงธุรกิจการเปิดห้องสตูดิโอเสมือนสำหรับให้เช่า ก็เป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่ได้รับการจับตามองเป็นอย่างมาก

2.2 มหาวิทยาลัย

สำหรับคณะนิเทศศาสตร์ในทุกๆ มหาวิทยาลัย ซึ่งมีความเกี่ยวพันกับการผลิตรายการโดยตรงนั้น เทคโนโลยี 3D Virtual Studio ถือเป็นเทคโนโลยีที่ขาดไม่ได้ในการใช้ประกอบการเรียนการสอน เพื่อให้นิสิตนักศึกษาได้มีความรู้ความเข้าใจในตัวเทคโนโลยี เพื่อตอบรับต่ออุตสาหกรรมบันเทิงที่มีการใช้งานเทคโนโลยีนี้มากขึ้นเรื่อยๆ
ในขณะเดียวกัน คณะมัลติมีเดียของมหาวิทยาลัยต่างๆ ก็ให้ความสนใจกับเทคโนโลยีสตูดิโอเสมือนนี้เช่นกัน เนื่องจากผลงาน 3 มิติต่างๆ ที่สร้างขึ้นมานั้น สามารถนำมาใช้งานในระบบสตูดิโอเสมือนได้ เป็นการเตรียมพร้อมเพื่อสร้างคนสำหรับตลาดการสร้างฉากเสมือนให้แก่รายการต่างๆ นั่นเอง
นอกจากนี้มหาวิทยาลัยที่มีการผลิตสื่อการเรียนการสอนทางไกล ก็สามารถนำเทคโนโลยี 3D Virtual Studio ไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เนื่องจากสามารถนำสื่อประเภทอื่นๆ เช่น PowerPoint Presentation, Video Clip หรือแม้แต่ Website มาแสดงผลในฉากหลังเพื่อเสริมความเข้าใจในเนื้อหาต่างๆ ได้อย่างดียิ่งขึ้นอีกด้วย

2.3 องค์กรขนาดใหญ่

สำหรับองค์กรขนาดใหญ่ที่มีการผลิตสื่อเพื่อใช้ภายใน เช่น การฝึกอบรม, การส่งข่าวสาร การนำเทคโนโลยี 3D Virtual Studio มาใช้งานก็จะทำให้การสื่อสารเป็นไปได้อย่างสะดวกยิ่งขึ้น เนื่องจากสามารถนำสื่ออื่นๆ มาแสดงลงในเนื้อหาได้ทันที อีกทั้งยังสามารถลดความจำเจในการนำเสนอเรื่องราวต่างๆ ได้จากการเปลี่ยนฉากหลัง 3 มิติเสมือนได้ รวมถึงมีอายุการใช้งานของระบบที่ยาวนาน ทำให้การนำเทคโนโลยี 3D Virtual Studio มาใช้งานในระดับองค์กร เริ่มเป็นที่นิยมมากขึ้นเรื่อยๆ ในที่สุด

3. Radical Angle: ระบบสตูดิโอเสมือนล่าสุดสำหรับองค์กร

Radical Angle ผู้ผลิตระบบ 3D Virtual Studio ภายใต้ชื่อ RadStudio สามารถตอบสนองต่อความต้องการเหล่านี้ได้ด้วยเทคโนโลยี Next Generation Virtual Set เพื่อให้ผู้ผลิตรายการสามารถสร้างฉากต่างๆ ที่มีความน่าตื่นตาตื่นใจได้อย่างต่อเนื่อง ไปพร้อมๆ กันการลดต้นทุนในการสร้างฉากต่างๆ สำหรับถ่ายทำรายการ อีกทั้งยังเปิดโอกาสใหม่ๆ ในการสร้างสรรค์การโฆษณารูปแบบใหม่ๆ ในรายการต่างๆ ได้อีกด้วย ซึ่งทาง Throughwave Thailand ร่วมกับ Radical Angle สร้างห้องสตูดิโอเสมือน Virtual Studio ณ อาคารพญาไท (Phayathai Building) ถนนพญาไท กรุงเทพมหานคร สำหรับให้บริการทดลองใช้งาน

แผนที่สตูดิโอ Demo ของ Radical Angle ร่วมกับ Throughwave Thailand

สำหรับใครที่สนใจระบบ 3D Virtual Studio จาก Radical Angle สามารถติดต่อบริษัททรูเวฟ ประเทศไทย จำกัด ได้ที่ 02-210-0969 หรืออีเมลล์มาที่ info@throughwave.co.th เพื่อขอรับรายละเอียดเพิ่มเติมต่างๆ ได้ทันที
ที่มา: www.throughwave.co.th

แนะนำ Supermicro MicroCloud ระบบแม่ข่ายประสิทธิภาพสูง สำหรับ Cloud และ ISP โดยเฉพาะ

Supermicro MicroCloud เป็นหนึ่งในรุ่นที่ได้รับความสนใจสูงสุดนับตั้งแต่เปิดตัวมา โดย MicroCloud นี้จะเป็นระบบแม่ข่ายแบบ Blade ขนาดเล็ก โดยใช้พื้นที่สูงเพียง 3U เท่านั้น แต่สามารถบรรจุ Blade Server ได้ตั้งแต่ 8 – 24 เครื่อง ซึ่งด้วยปริมาณของ Server มากขนาดนี้ในพื้นที่เพียงเท่านี้ เป็นจุดเด่นสูงสุดที่ทำให้ MicroCloud ได้รับความนิยมนั่นเอง
สำหรับการแบ่งรุ่นของ Supermicro MicroCloud นั้น จะแบ่งตามรุ่น CPU และจำนวน Server ดังนี้

1. CPU Intel E5-2600 (8 Nodes)

 
เหมาะสำหรับระบบ Cloud ที่ต้องการ RAM จำนวนมาก โดยแต่ละ Node สามารถมี CPU ได้สูงสุด 1 Socket จำนวน 8 Cores หน่วยความจำสูงสุด 128GB และ Disk SATA 3.5″ Hot Swap จำนวน 2 ลูก

2. CPU Intel E3 (8/12/24 Nodes)

เหมาะสำหรับระบบ Cloud ที่เน้นการใช้งาน CPU เป็นหลักในราคาประหยัด โดยแต่ละ Node สามารถมี CPU ได้สูงสุด 1 Socket จำนวน 4 Cores หน่วยความจำสูงสุด 32GB และ Disk SATA 3.5″ จำนวน 2 ลูก หรือ 2.5″ จำนวน 4 ลูก

3. CPU AMD Opteron 3000 (12 Nodes)

เหมาะสำหรับระบบ Cloud ที่เน้นการใช้งาน CPU โดยไม่เน้นเรื่องหน่วยความจำ โดยแต่ละ Node สามารถมี CPU AMD ได้สูงสุด 1 Socket จำนวน 8 Cores หน่วยความจำสูงสุด 32GB และ Disk SATA 3.5″ จำนวน 2 ลูก หรือ 2.5″ จำนวน 4 ลูก
โดย Software ระบบ Cloud ที่แนะนำ จะเป็นระบบที่ใช้งาน Hypervisor ตระกูล Microsoft, KVM และ Xen เป็นหลัก เนื่องจาก 3 ตระกูลนี้สนับสนุนการใช้งานร่วมกับ Hardware ที่หลากหลายกว่า และมีค่าลิขสิทธิ์ที่เหมาะสมกับการใช้งานบน Server จำนวนมากเช่นนี้
ในขณะเดียวกัน ในเมืองไทยเองก็ยังมีการประยุกต์นำ MicroCloud ไปใช้ในระบบ Render Farm เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายต่อ CPU ที่ประหยัด และยังใช้พื้นที่บนตู้ Rack น้อยอีกด้วย
สำหรับผู้ที่สนใจระบบ Supermicro MicroCloud สามารถติดต่อสอบถามได้ที่ info@throughwave.co.th หรือโทร 02-210-0969 เพื่อขอคำปรึกษาจากวิศวกรได้ทันที
ที่มา www.throughwave.co.th

แนะนำ Supermicro FatTwin ระบบ Server สำหรับงาน Cluster และ Render Farm โดยเฉพาะ

Supermicro เป็นผู้ผลิต Server เฉพาะทางสำหรับงานต่างๆ มากมาย และในวันนี้ทางทีมงานเราก็จะขอแนะนำ Supermicro FatTwin ซึ่งเป็นระบบ Server ที่ถูกออกแบบมาโดยเฉพาะสำหรับงาน Cluster สำหรับการประมวลผลประสิทธิภาพสูง และ Render Farm สำหรับการประมวลผลงานทางด้านกราฟฟิคโดยเฉพาะ

1. FatTwin หน้าตาเป็นอย่างไร?

FatTwin เป็น Blade Server ขนาดสูง 4U ติดตั้งบนตู้ Rack มาตรฐานขนาด 19 นิ้วได้ โดยด้านหน้าจะมี Server ภายในบรรจุอยู่ 4 เครื่อง หรือ 8 เครื่อง แล้วแต่รุ่น ส่วนด้านหลังของ FatTwin จะเป็นระบบระบายความร้อน (Cooling System) และระบบจ่ายพลังงาน (Power Supply) ซึ่งสามารถทำงานทดแทนกันได้ (Redundant) อย่างสมบูรณ์
จุดที่แตกต่างจาก Blade Server ทั่วๆ ไปคือ FatTwin จะไม่มี Management Module แบบศูนย์กลาง เนื่องจาก Server แต่ละเครื่องจะสามารถถูกบริหารจัดการได้ผ่านทาง IPMI ซึ่งรองรับทั้งการทำ Remote KVM และ Mount Virtual Media ผ่านทาง Network ได้อยู่แล้ว รวมถึงไม่มี Switch Module อีกด้วย ทำให้การลงทุนระบบ FatTwin ประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากกว่าการลงทุนเป็น Blade Server นั่นเอง

2. จุดเด่นของ FatTwin

ในแง่ของ Hardware นั้น ระบบ FatTwin มี Server ให้เลือกหลากหลาย เหมาะกับงานเฉพาะทางแต่ละแบบ เช่น

2.1 Storage Node

เป็น Node ที่สามารถใส่ Hard Drive ได้เยอะเป็นพิเศษกว่า Server ทั่วๆ ไป เช่น ติดตั้ง Hard Drive ขนาด 3.5″ ได้ 12 – 14 ลูกต่อ 1U โดยสามารถเลือกได้ว่าจะใช้ Hardware RAID หรือใช้ Software RAID ตามประเภทของ Storage Software ที่จะใช้งาน เหมาะสำหรับระบบงานที่ต้องการจัดเก็บข้อมูลเป็นปริมาณมาก เช่น Storage, Video Streaming, Apache Hadoop

2.2 Front IO Node

เป็น Node ที่มี Interface ต่างๆ ทั้งหมดอยู่ด้านหน้า ไม่ว่าจะเป็น Network, IPMI, USB หรือ PCI-E เพื่อให้การเข้าไปดูแลรักษา หรือปรับแต่งการเชื่อมต่อสามารถทำได้โดยสะดวกจากด้านหน้าเครื่องทันที เหมาะสำหรับธุรกิจ Hosting และ ISP โดยเฉพาะ

2.3 GPU Node

เป็น Node ที่สามารถใส่การ์ด GPU และ MIC เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการประมวลผลต่างๆ ได้ โดยในแต่ละ Node สามารถใส่การ์ดเหล่านี้ได้มากถึง 3-4 การ์ดต่อพื้นที่เพียง 1U ซึ่งถือว่ามากกว่า Server ทั่วๆ ไปอยู่มาก
แต่ไม่ว่าจะเป็น Node ใดก็ตาม สิ่งที่ถือเป็นจุดเด่นที่สุดของ FatTwin เลยนั้นคือเรื่องของการประหยัดพลังงานนั่นเอง โดยจากการทดสอบการใช้งานเปรียบเทียบกับ Server รุ่นประหยัดไฟพิเศษของคู่แข่ง พบว่า Supermicro FatTwin สามารถช่วยประหยัดพลังงานได้กว่ารุ่นที่ดีที่สุดของคู่แข่งถึง 16% เลยทีเดียว

3. ใครเหมาะสมกับการเลือกใช้ FatTwin?

 
ผู้ที่เหมาะกับระบบ FatTwin คือผู้ที่ต้องการระบบที่มีคุณสมบัติดังนี้
3.1 ต้องการลงทุนใน Server เป็นจำนวนมาก โดยไม่ได้ต้องการ Switch หรือ Management แบบ Blade Server
3.2 ต้องการการใช้งาน CPU เพื่อประมวลผลแบบ 24×7
3.3 ต้องการระบบที่มีพื้นที่จัดเก็บข้อมูลเยอะเป็นพิเศษ
3.4 ต้องการประหยัดพื้นที่บนตู้ Rack
3.5 ต้องการระบบที่ประหยัดไฟฟ้า
ซึ่งสรุปจากข้างต้นนี้ เรียกได้ว่างาน High Performance Computing และงาน Render Farm ทั้งหมด เมื่อเปลี่ยนมาใช้ FatTwin แทนแล้ว จะช่วยลดต้นทุนในการจัดซื้อและดูแลรักษาไปได้มากทีเดียว
สำหรับผู้ที่สนใจ Supermicro FatTwin สามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดได้ที่ info@throughwave.co.th หรือโทร 02-210-0969 ได้ทันที
ที่มา www.throughwave.co.th

การสร้างระบบห้องสตูดิโอเสมือนให้มีความสมจริง

ทุกวันนี้ระบบ Digital TV และ TV ออนไลน์มีแนวโน้มเติบโตที่สูงมาก เทคโนโลยีต่างๆ จึงได้ถูกนำมาใช้งานเพื่อเพิ่มคุณภาพในการถ่ายทอดรายการ ซึ่งเทคโนโลยีหนึ่งที่ได้รับความนิยมสูงสุดในเวลานี้ก็คือเทคโนโลยีระบบสตูดิโอเสมือนนั่นเอง (Virtual Studio)
ระบบสตูดิโอเสมือน (Virtual Studio) จะทำการจำลองฉากถ่ายทำรายการเสมือนขึ้นมาสำหรับรายการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นห้องส่งสำหรับรายการข่าวหรือรายการอื่นๆ เพื่อให้ผู้กำกับสามารถปรับแต่งและแก้ไขฉากสำหรับแต่ละรายการได้อย่างอิสระตามจินตนาการ อีกทั้งยังช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายและเวลาในการปรับแต่งฉากสำหรับรายการเหล่านั้นอีกด้วย เทคโนโลยีสตูดิโอเสมือนนี้จึงได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก

จะสร้างห้องส่งเสมือนที่มีความสมจริงได้อย่างไร?

ในปัจจุบัน คำถามว่าเราควรจะเลือกใช้เทคโนโลยีสตูดิโอเสมือนจะเป็นคำตอบที่ถูกต้องหรือไม่นั้น สิ่งแรกที่ผู้กำกับมักจะคำนึงถึงก่อนก็คือความสมจริงของระบบสตูดิโอเสมือนนั่นเอง เนื่องจากเทคโนโลยีของการซ้อนฉากหลังลงไปแทนที่ฉากเขียว หรือเรียกว่าการทำ Chroma Key ในอดีตที่ผ่านมานั้น มักจะไม่สมจริง และส่งผลให้ภาพที่ออกมานั้นเหมือนกับว่าพิธีกรลอยออกมาจากฉากหลัง 3 มิติเสมือนนั่นเอง
RadStudio ได้ทำการเสริมความสมจริงเข้าไปในการใช้งานฉากหลัง 3 มิติเสมือนนี้ ด้วยการใช้เทคโนโลยีเงาเสมือน เพื่อสร้างเงาให้กับพิธีกรและวัตถุต่างๆ ในฉาก ไม่ว่าจะเป็นเงาบนพื้นด้าน หรือเงาสะท้อนบนพื้นใส ส่งผลให้ผลลัพธ์ของระบบสตูดิโอเสมือนที่ออกมานั้นดูมีมิติสมจริงยิ่งขึ้นนั่นเอง

เงานั้นสำคัญอย่างไร?

เงาเป็นสิ่งที่เชื่อมวัตถุต่างๆ เข้ากับฉากเสมือน 3 มิติ ทำให้ผู้ชมสามารถรับรู้มิติของสิ่งต่างๆ ในฉากเสมือนได้อย่างรวดเร็วและสมจริงยิ่งขึ้น รวมถึงยังทำให้พิธีกรและวัตถุเสมือน 3 มิติดูเหมือนว่าอยู่ในสถานที่เดียวกันจริงๆ อีกทั้งเมื่อเงามีการเปลี่ยนแปลงตามการขยับตัวของพิธีกรหรือวัตถุเสมือนเหล่านั้นได้ ภาพผลลัพธ์จากระบบห้องสตูดิโอเสมือนก็จะยิ่งดูมีความสมจริงยิ่งขึ้นไปอีก
RadStudio มีเอฟเฟ็คต์เงาที่ยืดหยุ่นและใช้งานง่าย โดยคุณสามารถใส่เงาให้กับสิ่งต่างๆ ในฉากเสมือน 3 มิติ และเลือกมุมของเงา และความเข้มของเงาได้อย่างอิสระผ่านทางซอฟต์แวร์บริหารจัดการห้องสตูดิโอเสมือนได้ทันที
สำหรับผู้ที่สนใจอยากทดลองใช้งานระบบสตูดิโอเสมือน RadStudio จาก Radical Angle ก็สามารถติดต่อบริษัท Throughwave Thailand ที่เบอร์ 02-210-0969 หรืออีเมลล์ info@throughwave.co.th เพื่อขอเข้าทดลองใช้งานได้ที่ห้อง Demo Studio ของเราบริเวณรถไฟฟ้าอนุสาวรีย์ได้ทันที